อาการข้อเข่าเสื่อมกับน้ำเลี้ยง
อาการข้อเข่าเสื่อมกับน้ำเลี้ยง
อาการข้อเข่าเสื่อมจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยพบได้มากถึง 34.5% มีอาการปวดข้อเข่าด้านในขณะที่กำลังเดินอยู่ และจะรู้สึกปวดมากๆเมื่อข้อเข่ามีการทำงานหนักเช่น นั่งยองๆ เดินขึ้นลงบันได อาจมีอาการข้อบวมแดง มีเสียงกระดูกลั่นเวลาขยับอิริยาบถต่างๆ เคลื่อนไหวข้อเข่าลำบาก อาจจะเห็นข้อเข่าโก่งงอ ฝืด ยึดติด
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการเสี่ยงคืออายุที่เพิ่มมากขึ้น น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ข้อเข่าเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน และบางพฤติกรรมที่ทำเป็นประจำเช่น การนั่งยองๆ นั่งพับเพียบ นั่งคุกเข่า
การรักษามีอยู่ 3 ประเภทโดยแยกไปตามอาการบาดเจ็บมีดังนี้
1. การรักษาโดยไม่ต้องใช้ยา ได้แก่การลดความอ้วน ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ หรือใช้เครื่องพยุงเข่าหรือไม้เท้า
2. การรักษาโดยการใช้ยา ได้แก่ยาแก้ปวด ยาลดอาการอักเสบที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ยาปรับสมดุลข้อ ประเภทไดอะเซอรีน ยาที่มีคุณสมบัติช่วยซ่อมแซมองค์ประกอบของข้อ ได้แก่ กลูโคซามีน หรือ คอนโดรอิติ และการฉีดสารไฮยาลูโรเนต เพื่อทดแทนน้ำเลี้ยงข้อที่เสีย ทำให้การทำงานของข้อเป็นไปด้วยดี
3. การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ได้แก่ การผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง การผ่าตัดเพื่อแก้ความโก่งงอของข้อเข่า และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมในผู้ป่วยที่ข้อเสื่อมหรือข้อผิดรูปมาก
ข้อเข่าที่ปกติ จะมีน้ำไขข้อแทรกอยู่ระหว่างกระดูกผิวข้อ ทำหน้าที่เป็นน้ำหล่อลื่นช่วยในการหล่อลื่นและป้องกันแรงกระแทก ไฮยาลูโรเนตเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในน้ำเลี้ยงข้อ ผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อเสื่อมจะมีสารไฮยาลูโรเนตน้อยกว่า อาการบาดเจ็บจึงเกิดได้ง่ายขึ้น
การฉีดสารไฮยาลูโรเนตหรือน้ำเลี้ยงข้อเทียม ช่วยในการหล่อลื่นให้ข้อมีการเคลื่อนไหวที่ดียิ่งขึ้น ลดอาการปวด อักเสบ ชะลอความเสื่อมของข้อ ปรับเปลี่ยนการทำงานของเซลล์ภายในข้อดีขึ้น และลดการทำลายกระดูดอ่อนผิวข้อ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เริ่มเกิดอาการข้อเสื่อม
ซึ่งแพทย์จะทำการฉีดสารไฮยาลูโรเนตสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการปวดอีกก็สามารถเข้ารับการรักษาได้อีกครั้ง